ถือว่าลุ้นแชมป์อย่างเต็มตัวแล้ว สำหรับยักษ์ใหญ่จากแคว้นอันดาลูเซีย ที่ก่อนหน้านี้เป็นเพียงทีมเกรดบีบวก ที่มักจะประสบความสำเร็จแต่ถ้วยยูโรป้า เท่านั้น จากการบุกไปเอาชนะ โอซาซูน่ามาได้ในเกมล่าสุดเมือคืนวันอาทิตย์ ทำให้ตอนนี้พวกเขาจี้เรอัล มาดริด จ่าฝูง เพียงแต้มเดียวเท่านั้น อะไรคือปัจจัย ที่ทำเซบีย่า มาถึงจุดนี้ได้ ลองมาดูกัน

1.แพ้ยากขึ้น
จากเกมกับโอซาซูน่า เห็นได้ชัดเลยว่า สปิริต ทีมดูจะแข็งแกร่งกว่าในยุคของเอเมรี่ เพราะนี่ขนาดโดนนำถึงสองครั้งสองครา ยังตามมายิงแซงได้ในนาทีสุดท้าย
เข่นเดียวกับเกมที่พวกเขาเจอ ลา คุนญ่า เมื่อพฤศจิกายน ปีที่แล้ว เพราะเจ้าบ้านนำก่อนถึง 2 ประตู แต่สุดท้ายเซบีย่าเป็นฝ่ายอาชนะได้อีกครา โดยยิงในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ
ที่น่าสนใจคือ หากนับเป็นแต้มแล้ว มีถึง 9 แต้มด้วยกัน ที่เซบีย่า มาได้ประตูชัยในช่วง 5 นาทีสุดท้าย ทั้งสองเกมดังกล่าวแล้ว ยังมีเกมกับ เลกาเนส เมื่อตุลาคมอีก ที่มได้ประตู นาทีที่ 85 
หากทุกเกมที่ว่ามา พวกเขาไมได้สามคะแนน ป่านนีก็น่าอยู่ระดับที่ 5 ที่ 6 ซึ่งเป็นอันดับที่พวกเขาเคยทำได้มาก่อนในช่วง 3-4 ฤดูกาลหลังสุด

2.เกมนอกบ้านถูกปรับปรุง
ฤดูกาลที่แล้ว เซบีย่า คือทีมเดียวในลาลีกา ที่เอาไม่สามารถชนะใครได้เลย ในการบุกไปเยือนคู่แช่ง ถึงแม้จะมีเกมที่นำคู่แข่งก่อนสองประตูด้วย
อูไน เอเมรี่ ผู้จัดการทีมในขณะนั้น ไม่สามารถทำให้ลูกทีมห้าวหาญพอจะบุกไปกดดันเจ้าบ้านได้ ต่างจาก ฮอร์เก้ ซัมเปาลี ที่ทำให้เห็นอย่างเข่นเกมล่าสุดที่ผ่านมา
ฤดูกาลนี้ผ่านไปแล้ว 18 นัด หรือเกือบครึ่งฤดูกาล เซบีย่า เล่นนอกบ้าน 9 เกม ชนะคู่แข่งไปแล้ว 4 นัด ยิงได้ถึง 17 ประตู ขณะที่ 19 เกมที่เยือนฤดูกาลที่แล้ว ยิงได้ แค่ 13 ลูก
จะว่าไปแล้วเคยคิดเหมือนกันว่ หาก เอเมรี่ ปรับปรุงเกมนอกบ้านได้ เซบีย่า จะไมเป็นรองทีมใหญ่เลย แล้วก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ ในยุคปัจจุบัน

3.กล้าเสริมทัพช่วงหน้าหนาว
แต่ก่อนแต่ไร การเสริมทัพหน้าหนาว ถือว่าไม่ค่อยได้เห็นกับทีมอย่างเซบีย่า ทว่าหนนี้พวกเขากล้าเล่นของหนัก กับ สเตฟาน โยเวติช กองหน้าระดับ A+ (ถ้าใช้งานเป็น)
โยเวติช มีประสบการณ์ในมากมายที่สามารถเป็นประโยชน์ในการลุ้นแชมป์ ทั้งกับ ฟิออเรนตินา และ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่ผ่านถ้วยมาแล้ว
แน่นอนว่าในช่วงครึ่งฤดูกาลที่เหลือจะต้องเจอภาวะกดดัน ที่ ลูเซียโน่ เวียตโต้ และ เบน เยดแดร์ กองหน้าปัจจุบันที่ยังหนุ่มเกินกว่าจะฝากผีฝากไข้กับบางเกมที่ความคาดหวังสูงได้

4.บาร์เซโลน่าและแอตเลติโก อ่อนลงไป
แน่นอนว่าอันดับหนึ่ง, สอง และ สาม ควรเป็นที่อยู่ของ พวกเรอัล มาดริด, บาร์เซโลน่า หรือแอตเลติโก มาดริด ซึ่งเป็นสามทีมใหญ่ประจำสเปน ที่ผลัดกันคว้าแชมป์มาตลอด ช่วง 10 ปีหลังสุด
แต่ปีนี้ แอตเลติโก สตาร์ต ได้ไม่ดีเท่าที่ควร รวมถึงบาร์เซโลน่า ที่ยังหาฟอร์มฤดูกาลที่แล้วไม่เจอ ทำให้ เก็บแค้มได้น้อยกว่าเซบีย่า
รวมถึงเกมกับตราหมี ที่เอาสามคะแนนมาได้เมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว ซึ่งถือเป็นการตัดแต้มพวกที่มีลุ้นแชมป์กันกันโดยตรง จากที่ก่อนหน้านี้ 14 เกม เซบีย่าเอาชนะไม่ได้เลยด้วยซ้ำ
หากเกมนัดที่สอง สามารถหยิบคะแนน จากพวกนี้ได้อีก ก็จะทำให้ได้ลุ้นในช่วงโค้งสุดท้ายของฤดูกาล แน่นอน หากไม่ไปพลาดง่ายกับทีมเล็ก
    
5.โปรแกรมน้อยกว่า
เทียบกันกับ สี่ทีมใหญ่ทั้งหมด ตอนนี้เซบีย่า มีโปรแกรมที่เหลือในฤดูกาลนี้ น้อยกว่าแน่นอน อย่างต่ำๆ ก็คือสองเกม ซึ่งนั่นจะทำให้นักเตะที่หมุนเวียนกันดีกว่า
ทั้ง เรอัล, แอตเลติโก และ บาร์ซ่า นอกจากจะมีโปรแกรมฟุตบอลลีก และ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เหมือนที่ เซบีย่า มีแล้ว ทว่าทั้งหมดยังอยู่ในรายการโคปา เดล เรย์
ต่างจากเซบีย่า ที่ตกรอบบอลถ้วยแห่งชาติของสเปนแล้ว อย่างน้อยๆ ก็ไม่ต้องจัดชุดใหญ่ๆ ลงในเกมรอบรองชนะเลิศถ้วยดังกล่าว เหมือนที่ สามทีมใหฯทำกันอยู่
โดยเฉพาะอย่างยิงเรอัล มาดริด ที่ไปเจอโปรแกรมฟุตบอล ชิงแชมป์สโมสรโลก มาสองเกม แม้จะดูไม่ได้มากมายอะไร แต่การเดินทางมาเอเชีย กินระยะเวลา 10 วันช่วงคริสมาสต์ มันส่งผลกับนักเตะจนเริ่มกรอบและเจ็บกันบ้างแล้ว

อย่างไรก็ตามครับ เนื่องจากว่าเฟเดริโก้ เป็นผู้เล่นปีกสมัยใหม่ที่รู้จักการหาพื้นที่ทำประตูตรงกลาง ก็น่าจะทำให้เขาสร้างโอกาสสวยๆ ให้ตัวเองได้อีก

แฟนๆ ที่ไม่ได้ตามข่าวอาจจะสงสัยว่าทำไมคิเอซ่ายิงประตูนี้เป็นประตูแรกในอา ไม่ใช่สัปดาห์ก่อนหรือที่เขาทำประตูได้ ในนัดที่เจอกับยูเวนตุส จังหวะที่เขาโฉบเข้าไปชาร์จลูกกึ่งยิงกึ่งผ่านของมิลาน บาเดลจ์ และลูกผ่านหน้าบุฟฟ่อนเข้าประตูไป 

สรุปว่าจังหวะนั้นฟุตบอลลีกให้เป็นประตูของบาเดลจ์ครับ แต่ก็แค่สัปดาห์เดียว คิเอซ่าทำประตูของเขาจนได้ และก็เป็นประตูที่เด็ดขาดซะด้วยจากจังหวะสไลด์ยิงเสียบเสาไกลเข้าไป

ทำไปทำมาฟิออเรนติน่า ชักจะดาวรุ่งเยอะแล้วสิครับ ทั้งแบร์นาร์เดสคี่ และคิเอซ่า อีกตัว ต้องให้เครดิตกับเปาโล ซูซ่าเลย ที่เห็นแววเกิดของคิเอซ่า ที่ตอนเริ่มกับทีมเยาวชนชุดแรกๆ ก็ไม่เท่าไหร่ แต่มาฉายแววเก่งตอนทีมเยาวชนปรีมาเวร่า ก่อนที่ซูซ่าจะดันเขามาเล่นชุดใหญ่

ขอบคุณที่มา ติดตามเพิ่มเติมได้ที่