คำแนะนำคนในสังคมต่อภาวะความเครียด จากสถานการณ์แพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 ขณะนี้
ท่ามกลางการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ในหลายพื้นที่ กลายเป็นภาวะความตึงเครียดจากคนในสังคม จากการเสพข่าวในรอบ 1 เดือนที่ผ่านมา โดยเฉพาะภาวะทางอารมณ์ที่มีผลต่อ "สุขภาพจิต" เป็นภัยใกล้ตัวที่คืบคลานเข้ามาในช่วงที่ตัวเลขจำนวนผู้ติดเชื้อพุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ
แต่แล้วกลับเห็นสถานการณ์แพร่ระบาดในประเทศอิตาลีจากยอดผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตเกิน 3 พันคน แต่สังคมคนอิตาลีหลายเมือง ได้ใช้ชีวิตอยู่กับ เสียงดนตรีในช่วงการกักตัวเพื่อต่อสู้กับดัชนีความเครียด ให้รอดพ้นจากการแพร่ระบาด จนถูกส่งต่อเป็นภาพคลิปวิดีโอที่แชร์ไปทั่วโลกให้เพื่อบอกว่าเสียงดนตรี เป็นอีกหนึ่งทางเลือกผ่อนคลายร่างกายจากอาการจิตตกได้
ไม่ใช่แค่นั้นแต่ "องค์การอนามัยโรค" ได้ออกวิธีการลดความเครียดไปถึงประชากรทั่วโลก เพื่อลดผลกระทบข้างเคียงในช่วงการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ใน 6 เรื่อง ประกอบด้วย 1.เมื่อรู้สึกเศร้า เครียด สับสนหรือหวาดกลัวในช่วงวิกฤต การได้พูดคุยและติดต่อกับบุคคลที่ไว้วางใจ เช่น เพื่อนฝูงหรือคนในครอบครัว จะช่วยให้รับมือกับความเครียดได้
2.หากจำเป็นต้องอยู่บ้าน ให้ดูแลสุขภาพให้แข็งแรง รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ นอนหลับให้เพียงพอ 3.ขอให้ติดตามข้อมูลจากแหล่งที่น่าเชื่อถือจากหน่วยงานสาธารณสุข ช่วยให้แยกแยะข้อเท็จจริงจากข่าวลือ ข้อเท็จจริงสามารถช่วยลดความกลัวได้
4.ไม่ควรดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล สูบบุหรี่ หรือใช้ยาเสพติดเพื่อจัดการกับความเครียด แต่หากรู้สึกสับสนหรือมีความเครียดขอให้พูดคุยกับบุคลากรทางการแพทย์
5.ให้ลดเวลาติดตามข่าวที่ทำให้รู้สึกกังวล หรือรู้สึกไม่สบายใจ และ 6.ปฏิบัติในสิ่งที่ตนเองเคยจัดการกับความเครียด นำกลับมาเป็นแนวทางคลายความกังวลในช่วงการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19
นอกจากนี้ ยังมีแนวทางข้อควรพิจารณาด้านสุขภาพจิตและจิตสังคมในช่วงวิกฤต สำหรับบุคคลทั่วไปหรือผู้ที่ต้องกักตัว "14 วัน" ที่อาจอยู่ในภาวะก่อให้เกิดความเครียด ด้วยการฝึก "ภาวะจิตใจ" โดยเปรียบเทียบว่าสถานการณ์ขณะนี้ไม่ใช่การวิ่งธรรมดา แต่เป็นการวิ่งมาราธอน โดยเฉพาะในกลุ่ม "ผู้สูงอายุ" เป็นอีกหนึ่งกลุ่มเสี่ยงต้องได้รับการดูแลจากความวิตกกังวล โดยเปิดช่องทางการพูดคุยเพื่ออธิบายข้อเท็จจริงและทำความเข้าในในสิ่งที่เกิดขึ้น
"องค์การอนามัยโรค" ยังเสนอวิธีการสร้างสิ่งใหม่ในสภาพแวดล้อมด้วยการทำความสะอาด ร้องเพลง วาดภาพหรือกิจกรรมอื่นๆ สำหรับผู้ที่จำเป็นต้องกักตัว 14 วัน โดยระหว่างนี้ให้ติดต่อทางสังคมผ่านโซเชียลมีเดีย หรือพูดคุยผ่านวิดีโอคอล และหลีกเลี่ยงการฟังหรือติดตามข่าวลือที่ทำให้รู้สึกไม่สบายใจ
ขณะเดียวกัน "กรมสุขภาพจิต" กระทรวงสาธารณสุข เป็นอีกหน่วยงานสำคัญที่ออกข้อแนะนำให้ประชาชน ลดภาวะความเครียด โดยทำใจให้สงบ ไตร่ตรอง อดทน รวมถึงสร้างกำลังใจ ให้มีความหวัง ให้ทุกฝ่ายใช้แรงกาย แรงใจ สติ ปัญญา ร่วมกันต่อสู้ไวรัสไปด้วยกัน และช่วยสร้างระบบนิเวศ "เชิงบวก" ในสังคมโซเชียลมีเดีย รวมถึงสร้างสังคมสมานฉันท์ หรือ Social cohesion ให้สังคมไทยเป็นหนึ่งเดียว เพื่อต่อสู้กับการแพร่ระบาดของไวรัส โดยช่วยกันสอดส่องดูแล ช่วยเหลือ ไม่รังเกียจผู้เจ็บป่วยหรือผู้ที่เกี่ยวข้อง
นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต อธิบดีกรมสุขภาพจิต แนะนำความตระหนักว่าปัญหาเชื่อไวรัสโควิด-19 เป็นเรื่องใหญ่สำหรับคนไทยทุกคน ต้องอาศัยความร่วมมือเพื่อให้การเข้าสู่การระบาดของโรคในระยะที่ 3 เกิดความสูญเสียน้อยที่สุด โดยเฉพาะการยืดเวลาให้ประเทศไทยเข้าสู่ระยะ 3 ให้ช้าที่สุด เพื่อโรงพยาบาลแต่ละแห่งสามารถรับมือกับอาการเจ็บป่วยได้ จึงจำเป็นต้องได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วน กรมสุขภาพจิตอยากให้คนไทยทุกคนต่อสู้ด้วย สติ รับมือโรคนี้แบบ "ตระหนัก แต่ไม่ตระหนก"
ทั้งหมดเป็นคำแนะนำจากองค์กรนานาชาติ และหน่วยงานกระทรวงสาธารณสุข ต่อคนในสังคมให้ปรับสภาพจิตใจจากสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัส ให้ "สุขภาพจิต" เป็นหัวใจสำคัญส่งถึงทุกฝ่ายก้าวผ่านวิกฤต "โควิด-19" ต่อไปให้ได้.
Comments